รีวิว เที่ยวทุ่งทานตะวัน ไร่องุ่น รีสอร์ทเขื่อนแก่งกระจาน
9 โมงนิดๆ แวะไหว้พระศรีอริยเมตไตรย ที่วัดพุสวรรค์ ก่อนครับ
วัดพุสวรรค์ จะอยู่ทางซ้ายมือ หากเราไปแก่งกระจาน โดยใช้เส้นทางเดียวกับทางไปอำเภอหนองหญ้าปล้อง
วัดนี้เงียบสงบ วัดแบบนี้ผมชอบจริงๆ เลยเชียว ไหว้พระกันเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมทำบุญกันหน่อยนะครับที่ศาลานี้
เราขับรถต่อไปอีก 100 เมตรครับ ก็จะถึง อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือไม้การบูรหอม ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ก่อนอื่นฟังประชาสัมพันธ์ เค้าแนะนำแผนผังในอุทยานและรับแผนที่กันก่อนนะ
ค่าที่นั่งคนละ 10 บาท สำหรับเจ้าคันนี้ ขับโตโยต้าเบื่อล่ะ นั่งคูโบต้ามั่งดีกว่า
รถจะจอดจุดแรกให้แวะไหว้เทพประจำราศีเกิดครับ โดยรถเค้าจะรอ
และจอดป้ายสุดท้ายที่โรงบุญ ให้เราไหว้พระกันอีกที และต่อจากนี้ไปเราต้องเดินเท้า
อุทยานนี้มีจุดที่ให้ไหว้พระและทำบุญเยอะครับ เรียกได้ว่าถูกใจคนชอบไหว้พระทำบุญกันเลยล่ะ
ไหว้พระพุทธกันแล้ว ก็ไว้พระจีนกันต่อได้เลย “องค์อุ่ยท้อผ่อสัก”
เดินต่อไปอีกหน่อย ขวามือจะเป็นแดนพุทธเกษตร แต่ผมไม่ได้เข้าไปนะ
ที่นี่ต้นไม้เยอะ ร่มรื่นมากเลยครับ ใครอยากเข้าห้องน้ำก็เข้าก่อนได้ตรงนี้ เพราะยังต้องเดินอีกสักพัก
เดินไปตามทางเรื่อยๆ ก็จะเจอซุ้มต่างๆ หลายซุ้มอยู่ ผมจำไม่ค่อยได้ว่าซุ้มไรมั่ง
เค้าออกแบบสะพานได้สวยดีครับ น้ำบริเวณนี้สีเขียว เย็นตาจริงๆ
ใกล้ๆ กันจะมีองค์เล่าจื๊อ เทพแห่งนักปราชญ์
ระหว่างทางก็มีที่ให้นั่งพักเหนื่อยได้นะ เรียกว่าไม่ต้องรีบร้อน
ทีแรกผมคิดว่า กวนอิมพันมือ จะอยู่ติดถนน แบบจอดรถปุ๊บ เดินนิดเดียวก็ถึงอะไรประมาณนี้
แต่ก็ดีเลยครับ มีอะไรให้ชม ให้ถ่ายเยอะ ไม่น่าเบื่อ
ถึงแล้วประตูทางเข้า กวนอิมพันมือ ขอบอกว่าประตูใหญ่ม๊วกกกกกก
พระโพธิสัตว์ กวนอิมพันมือไม้การบูรหอม องค์นี้เป็นกวนอิมเก่าแก่จากจีนเลยนะครับ ตามข้อมูลเขาว่าไว้เยี่ยงนั้น
ใครไปกราบไหว้ แนะนำให้ไหว้ให้ครบทั้งสี่ด้านนะครับ เดินไหว้เป็นวงกลม จากซ้ายไปขวา
จากนั้นเรามุ่งหน้าสู่แก่งกระจาน พอถึงโรงพยาบาลแก่งกระจาน ก็เลี้ยวขวาเข้าไปนิดหน่อย
ใช่ครับ The Grape Resort ที่พักของเราคืนนี้
รีสอร์ทนี้มีไร่องุ่น และทุ่งทานตะวันให้ถ่ายรูปเล่นกันด้วยนะครับ
แต่ตอนนี้แดดยังเปรี้ยงอยู่ เราไปดูห้องพักก่อนดีกว่า
ห้องพักที่ เดอะ เกรป รีสอร์ท จะเป็นบ้าน แยกเป็นหลังไป ภายในบ้านพัก จะแยกเป็นสองห้องนอนครับ
หลังนี้คือบ้านพัก ของผมและชาวคณะ
รอบๆ บ้านนั้้นมีบริเวณพื้นที่เยอะครับ ให้ความเป็นส่วนตัวมากเลยทีเดียว
บ้านแต่ละหลังจะมีทางเท้า เชื่อมถึงกันหมด สามารถปั่นจักรยานเล่นได้นะ
รีสอร์ทนี้เน้นโทนสีเป็นสีม่วง ผมคาดว่าคงมาจากสีของไวน์องุ่นแน่ๆ เลย
ถูกใจผมอีกอย่างนึงก็คือ ถั่วบราซิลสีเขียวๆ รอบๆ บ้านนี่แหละครับ มันดูสวยแบบเรียบๆ เขียวได้ใจดีจัง
และมีดอกไม้สวยๆ ซึ่งบ้านพักแต่ละหลัง ก็จะมีดอกไม้พันธุ์ต่างกันออกไป ปลูกรอบบ้าน
บ้านทุกหลังจะหันหน้าเข้าหาสระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่หน้ารีสอร์ท ซึ่งก็มีเรือไว้ให้ปั่นเล่นนะเออ
ริมสระน้ำมีมุมถ่ายรูปน่ารักๆ และเก้าอี้ไว้ให้นั่งรับลมเย็นๆ กันด้วยล่ะ
แหมมีสระน้ำขนาดใหญ่แบบนี้ ต้องมีนี่เลย สไลด์เดอร์
หากมาพักกันเป็นครอบครัว ที่นี่มีสนามเด็กเล่น ไว้ให้เจ้าตัวยุ่งปีนป่ายกันด้วย
อยากลงไปปั่นอยู่นะ แต่ด้วยหน้าตาและวัย มันไม่ค่อยจะเข้ากับรูปเรือเลยอ่ะ T_T
ป่ะครับ ไปดูห้องพักกันหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เข้ามาในบ้านแล้ว เปิดประตูห้องเข้าไป จะเจอแบบนี้
ในบ้านจะมีห้องรับแขก และโซฟาไว้นั่งเล่นครับ
การจัดห้องใช้โทนสีครีม สีสบายตาดีนะผมว่า
เตียงขนาดใหญ่ นอนสองคนได้สบายๆ เลยล่ะ
ดูห้องแรกกันแล้ว ไปดูห้องที่สองกันครับ
ห้องนี้หากดูด้วยสายตา รู้สึกว่าจะใหญ่กว่าห้องเมื่อกี๊หน่อยนึงแฮะ
อุปกรณ์เครืองใช้ต่างๆ มีครบทั้งสองห้องนะครับ
ส่วนตู้เย็น กระติกน้ำร้อนและกาแฟจะรวมกันอยู่ที่ห้องรับแขกกลางบ้าน
ผมดันลืมถ่ายห้องรับแขกกลางบ้านมาให้ดูซะงั้น ลืมได้อย่างไงเนี่ยเรา
เดี๋ยวเราไปดูกันว่า ห้องน้ำของบ้านพักหลังนี้ เป็นแบบไหน
ห้องน้ำนั้น จะแบ่งโซนอาบน้ำออกจากกันโดยใช้ผ้าม่าน สีสวยดีครับ สีม่วงอีกล่ะ อิอิ
อ้าว!! ตายล่ะวา นี่มันบ่ายโมงกว่าล่ะ ยังไม่ได้กินไรกันเลย
เอาเป็นว่า ค่อยมาเก็บบรรยากาศรอบรีสอร์ทตอนเย็นๆ ล่ะกัน
เรามุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานทันที เป้าหมายของเราต่อไปคือ วิโรจน์แก่งกระจานรสเด็ด
ผมเคยมากินแล้วครั้งนึง ติดใจในวิว รสชาด และราคา เลยแวะอีกรอบ
ร้านอยู่ก่อนถึงอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนะครับ
เมนูที่ติดใจก็คงเป็นปลานี่แหละครับ ตัวเป้งๆ เลยล่ะ
อีกอย่างเป็นผัดผักกูด อันนี้เป็นผักที่ผมชอบเอามากๆ
แน่นอนล่ะ มาเขื่อนแก่งกระจาน ไม่กินต้มยำปลาคัง ก็กระไรอยู่
และก็มีลูกชิ้นปลา รู้สึกว่าเมนูปลาทั้งนั้นเลยนะเนี่ย
เรากินข้าวกันเสร็จก็ไปเขื่อนแก่งกระจานต่อเลย แต่แดดยังร้อนอยู่
เลยย้อนกลับไปอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกันก่อน
บริเวณจุดกางเต๊นท์ของอุทยาน คนเยอะใช้ได้ทีเดียว แต่ไม่ได้แออัดมากนักนะครับ
ใกล้ๆ กันมีสะพานแขวน ให้นักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปกัน
เราสามารถเหมาเรือไปเที่ยวรอบเขื่อนได้นะครับ เหมาลำละ 500 หากต้องการไปไหว้พระที่อยู่กลางเกาะด้วย
ก็ราคา 800 ครับ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง (ข้อมูลจากคนขับเรือ)
อันที่จริงผมเองก็อยากจะเหมาไปนะ เราไปกัน 4 คน เฉลี่ยแล้วก็โอเคเลยล่ะ
แต่แก่งกระจานยามบ่ายแก่ๆ แบบนี้ อากาศดีใช่เล่น มีลมพัดเย็นๆ ตลอดเวลา
เราเลยตัดสินใจไม่ล่องเรือล่ะ นั่งชมวิวเอาตรงนี้แหละ
พอตะวันเริ่มคล้อย แดดเริ่มเบาลง ที่ต่อไปของเราก็คือ สันเขื่อนแก่งกระจานครับ
วิวด้านล่างของตัวเขื่อนครับ
ผมมาแก่งกระจานหลายครั้ง แต่บอกกันตรงๆ ไม่เคยได้ลงมาสัมผัสอากาศที่เขื่อนเลยสักครั้ง
แนะนำเลยจริงๆ ครับ สำหรับตอนเย็นๆ วิวดี มันรู้สึกโล่ง โปร่งสบายๆ
ช่วงนี้ใบไม้อาจจะไม่เขียวขจีเท่าไหร่ แต่ผมมองว่าสวยดีนะ เหมือนวิวเมืองนอกเลย (คิดไปเนาะ)
ใกล้สิ้นปีแบบนี้ คนดันน้อยซะนี่ที่แก่งกระจาน คงไปเที่ยวเหนือกันหมด ดีจังไม่มีใครมาแย่งอากาศดีๆ ของเรา อิอิ
ใกล้เย็นแล้วล่ะ เราเลยกลับที่พักกัน เอาน่ะยังไงก็ยังไม่มืด ขับรถ ATV เล่นกันดีกว่า
ที่ The Grape Resort ขับรถ ATV และปั่นจักรยานเที่ยวเล่นได้สบายครับ
ถนนเค้ากว้าง และเชื่อมถึงกันหมดระหว่างรีสอร์ท และไร่องุ่น
ไปกันเลยครับ ทุ่งทานตะวันในรีสอร์ท แต่ก็นะตกเย็นแบบนี้ ทานตะวันคอตกไปแล้วล่ะ
ส่วนถัดไปจากทุ่งทานตะวัน เป็นสวนลำไยครับ
เอาล่ะผมได้คู่แข่งล่ะ ขับด้วยกันหลายคันสนุกดี ขวามือเป็นสวนชมพู่ จะออกผลเดือนมีนา (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ)
ถนนเค้าลาดยางซะด้วย ซิ่งกันมันส์ล่ะทีนี้
ท่านใดอยากออกกำลังกายก็มีจักรยานให้ปั่นนะ สถานที่เค้ากว้างรับรองปั่นกันได้เหงื่อแน่ๆ อิอิ
ผมขับรถออกมาตรงทางเข้ารีสอร์ท หากมองย้อนกลับไป ซ้ายมือจะเป็นทุ่งทานตะวัน
ถัดไปเป็นสวนชมพู่ ไร่แก้วมังกร และ ที่หลังคาสีฟ้าไกลๆ นั่นน่ะ ไร่อุง่น
ส่วนที่พัก ที่ทำการรีสอร์ท จะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ตามรูปเลยครับ
ไม่ทันไรอาทิตย์ก็ตกซะแล้วล่ะ แหมรู้งี้รีบกลับมาหน่อยก็ดี ยังไม่ทันได้ไปไร่องุ่นเลยอ่ะ
วันนี้ตากแดดมาทั้งวัน ขอไปอาบน้ำอาบท่ากันก่อนดีกว่า เดี๋ยวเราไปกินมื้อเย็นกัน
จานแรกต้องบอกว่า อื้อหืออออ ดีนะเนี่ย มากัน 4 คน ไม่งั้นไม่รู้จะกินยังไงหมด
ใช่ครับ มันคือ ขาหมูเยอรมัน (มื้อนี้กินของนอกเลยแฮะ)
ตอนผมเห็นเมนู ผมคาดว่าคงจะเหมือนขาหมูในโรงเบียร์อะไรทำนองนี้ แต่ไม่ใช่แฮะ สีมันน่าทานมากๆ
จานต่อไป เป็นผัดบล็อคเคอรี่กุ้ง ..เอิ่มม…กุ้งจะตัวใหญ่ไปไหนไม่ทราบ
ดูกันชัดๆ
ตามด้วย ไก่ผัดเม็ดมะม่วง จานนี้ก็อร่อยนะ ไก่เนื้อนุ่ม เม็ดมะม่วงก็กรอบๆ
แค่เมนูสามอย่างนี้ ผมก็ว่าน่าจะทานกันไม่ไหวแล้วนะ
ยังครับ ยังมีต้มยำกุ้งอีกเมนูนึง
สุดท้ายคือ เครื่องปรุงชั้นเลิศ อิอิ
แต่อีกอย่างที่ไม่พิเศษ แต่มันพิเศษสำหรับผม จนน้องเค้าเติมกันเหนื่อย นั่นคือ น้ำอ้อยครับ
ผมถามไปว่าซื้อที่ไหนอร่อยจัง สรุปคือที่นี่เค้าปลูกเองครับ
เอาล่ะผมว่าน่าจะได้เวลาแล้วมั้ง คิดว่าทุกคนคงหิวกันแล้ว รวมทั้งผม แหะๆ
เจอขาหมูเยอรมันเข้าไป เรียกว่าอิ่มจนตาปรือเลยล่ะผม
ขอออกมาสูดอากาศรอบๆ ก่อนดีกว่านะ ตอนนี้ท้องมันแน่นมาก แหะๆ
แขกหลายๆ ท่าน พอทานข้าวกันแล้ว ก็พากันเข้าที่พักกันหมดแล้วล่ะ เหลือแต่ผมและชาวคณะนี่แหละ
กินกันยังไม่เสร็จซะที อิอิ
ที่ทานข้าวเราอยู่ชั้นบนนะครับ มองจากข้างล่าง ก็สวยดีเหมือนกัน
วันที่ผมไป อากาศตอนหัวค่ำนี่เรียกว่าหนาวเลยนะ แถมอิ่มซะขนาดนี้ คืนนี้คาดว่าคงหลับสบายแน่ๆ
ในตัวรีสอร์ทก็มีขนมและน้ำขายนะ เผื่อใครหิวตอนดึกๆ (ยัง ยังไม่อิ่ม..)
——————————–
ตื่นมาตอนเช้า ผมก็ได้พบกับยามประจำบ้านพักผม หน้าตาเหมือนกับเพิ่งจะตื่นเลย
เมื่อวานขับ ATV ไปล่ะ วันนี้ขอปั่นจักรยานออกกำลังมั่งไรมั่ง
อากาศตอนเช้าๆ เจอดอกไม้สีสวยๆ แล้วมันสดชื่นจริงๆ ครับ
ตอนนี้ยังไม่สาย แต่คุณนายดันตื่นซะแล้ว
หากใครพักที่นี่ไม่ผิดหวังกับบรรยากาศตอนเช้าๆ แน่นอนครับ เพราะดอกไม้เยอะมาก
บ้านหลังนี้ มีดอกกุหลาบแดงหน้าบ้านด้วย นั่งดื่มกาแฟริมระเบียงตอนเช้าๆ คงแจ่มน่าดู
ดูจากมุมนี้เราจะเห็นนะครับว่า บ้านพักแต่ละหลังจะห่างกันพอประมาณ เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ที่เข้าพัก
มุมนี้จะเห็นบ้านพัก เกือบทุกหลังเลย
วันนี้ฟ้าหม่นๆ นิดหน่อย รู้สึกเมฆจะเยอะ
น่าสงสารดอกทานตะวัน มันรอแดด จนคอตกกันหมดแล้วอ่ะ
ผมกะเอาไว้ว่าจะถ่ายภาพทุ่งทานตะวันตอนสาย แต่ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ไปทานมื้อเช้ากันก่อน
มื้อเช้าของเราเป็นบุฟเฟ่ กาแฟ ขนมปัง และข้าวต้มหมู
ก่อนนอนก็กิน ตื่นมาก็กินเนาะเรา
แต่ขอโทษเถอะ เห็ดครับ เห็ดชิ้นใหญ่สะใจมากๆ ถูกใจคนชอบผักอย่างผม (อีกล่ะ)
ถามว่าเห็นห้องอาหารเค้าโล่งๆ แบบนี้ ไม่มีแขกมาทานข้าวเหรอ ..เปล่าครับ เค้าทานเสร็จกันหมดแล้ว
ผมและชาวคณะนี่แหละที่ช้ากว่าคนอื่นเค้าทุกมื้อ แหะๆ
ใกล้ๆ กันนั้น ก็มีบาร์ไวน์ด้วยเนาะ รู้สึกเปรี้ยวปากขึ้นมาในทันใด
กินข้าวเช้ายังไม่เสร็จ หิวไวน์ซะแระ มันยังไงกันนี่เรา
เช้าๆ แบบนี้ตัดใจจากไวน์ มาลองดื่มกาแฟดีกว่า เดี๋ยวเราไปดูไร่องุ่นกันต่อเลย
ไร่องุ่นที่นี่เปิดให้เข้าไปชม แล้วเลือกซื้อได้ถึงในไร่เลยล่ะ
ต้องขอบอกว่า องุ่นที่นี่ดกมากๆ ดูจากภาพสิครับ มองไปทางไหน ก็เห็นแต่พวงองุ่นเพียบ
คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ เลยยังมีองุ่นที่สมบูรณ์ให้เลือกกันเยอะเลยทีเดียว
การจะเข้าในไร่องุ่นนั้น เราต้องมุดตาข่ายเข้ามานะครับ
เพราะเค้ากันนกเข้ามากินองุ่น เลยมีลูกสวยๆ เยอะเลย
นี่ก็สายมากแล้ว แต่วันนี้พระอาทิตย์ค่อนข้างจะเล่นตัวนิดนึง
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ทานตะวันที่รอพระอาทิตย์แล้วล่ะ ผมเองก็รออยู่ตั้งแต่เช้าแล้ว
สายแก่ๆ เกือบเที่ยงแล้วครับ ก็พอมีแดดอยู่บ้าง ไรบ้าง ทานตะวันค่อยดูสดชื่นขึ้นหน่อย
เราถ่ายภาพเล่นกันสักพัก ก็ได้เวลาเตรียมตัวกลับกันแล้วล่ะ
ผมมองว่าแก่งกระจานนั้นเหมาะมากนะครับสำหรับเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพ 2วัน 1 คืน หากเราไม่พักรีสอร์ท ก็สามารถกางเต๊นท์ได้ที่ทำการอุทยาน ยิ่งเป็นช่วงท้ายปี และต้นปีแล้ว อากาศเย็นสบายเลยล่ะ หรือจะเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ ก็มีรีสอร์ทหลายที่ ที่มีกิจกรรมแบบนี้ …
ที่แก่งกระจานยังสามารถไปซื้อองุ่นสดๆ และชมทุ่งทานตะวัน ที่ the grape resort ได้ด้วย หากใครมีเวลาไปแก่งกระจาน ก็อย่าลืมแวะกันนะครับ สำหรับแก่งกระจานนั้น ผมคาดว่าคงไปเยี่ยมอีกที ตอนเดือนเมษา ซึ่งจะช่วงที่ผีเสื้อ ที่แคมป์บ้านกร่าง กำลังเยอะเลยล่ะแล้วจะเอาภาพมาฝากกันอีกนะครับ
สำหรับท่านทีสนใจสอบถามห้องพัก หรือข้อมูลของ The Grape Resort
ติดต่อได้โดยตรงที่ แฟนเพจ The Grape Resort ได้เลยครับ
ทริปต่อไป เป็นทริปต่อเนื่องจากทริปนี้ ….ทริปปราณบุรีและอุทยานสามร้อยยอด ครับ
ขอบคุณภาพบางส่วนจาก TumKung…ผู้ร่วมทริป
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากมาย ขอบคุณอย่างแรง…
….นายหัว….
อุปกรณ์:
กล้องดิจิตอล : Olympus OMD EM5,Nikon D3
เลนส์ : M.Zuiko 12-50 f/3.5-6.3 ,Nikor 14-24N